ธุรกิจสตาร์ทอัพ
ธุรกิจสตาร์ทอัพเป็นเพียงบริษัทเล็ก ๆ ที่พยายามสร้างชื่อเสียงในตลาด พวกเขาไม่มีลูกค้าอยู่แล้วและจำเป็นต้องพึ่งพาคำพูดจากปากต่อปาก โซเชียลมีเดียและแคมเปญโฆษณาจึงจะประสบความสำเร็จ เพื่อที่จะเอาชนะคู่แข่งในตลาด พวกเขาต้องการรวบรวมข้อมูลที่น่าเชื่อถือจำนวนมากบนเว็บไซต์ที่อธิบายภารกิจ เป้าหมาย และผลการดำเนินงานของบริษัท เพื่อให้บรรลุผลอย่างมีประสิทธิภาพ พวกเขาต้องการจะนำเอาความคิดสร้างสรรค์เพื่อผลักดันงานวิจัยที่คิดค้นนำไปสู่อุตสาหกรรมในเชิงพานิชณ์เพื่อเป็นการต่อยอดงานวิจัย
การเริ่มต้นธุรกิจสตาร์ทอัพ
การเริ่มต้นธุรกิจสตาร์ทอัพอาจเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น และคุณสามารถสร้างชื่อเสียงที่มั่นคงในอุตสาหกรรมได้หากคุณมีคุณสมบัติและความเชี่ยวชาญที่เหมาะสม ดังนั้น คุณจะต้องคิดไอเดียที่ไม่เหมือนใครเกี่ยวกับวิธีสร้างรายได้จากสิ่งที่คุณทำ สตาร์ทอัพ ถือเป็นธุรกิจที่เติบโตแบบก้าวกระโดด มีจุดเด่นด้านไอเดีย และการนำเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสานการทำธุรกิจ ซึ่งจะเหมาะสมกับแนวคิดและการทำงานของคนรุ่นใหม่ ที่สนใจความท้าทาย และ มีความคล่องตัวสูง ทำให้ธุรกิจกลุ่มนี้มักเป็นเป็นที่สนใจของธุรกิจองค์กรขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคง และต้องการการขยายพอร์ทธุรกิจใหม่ๆ ก็มักจะเข้าหากลุ่มสตาร์ทอัพ เพื่อเข้าร่วมลงทุน หรือ เข้าซื้อกิจการนั้นๆ ไปในที่สุด การระดมทุนของสตาร์ทอัพนั้นมีหลากหลายรูปแบบหรือระดับ ซึ่งเหมาะสมกับสตาร์ทอัพในแต่ละระยะ (Stage) ของการพัฒนาธุรกิจ
เริ่มกันตั้งแต่ ระยะที่หนึ่ง Problem Solution Fit ช่วงนำไอเดียธุรกิจมาแก้ไขปัญหา หรือ pain point ของผู้บริโภค ก่อนพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต้นแบบ ระยะที่สอง Product Market Fit การทดลองทำตลาด และรับฟังความคิดเห็นของกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่แท้จริง เพื่อนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์บริการในลำดับถัดไป และสุดท้ายระยะที่สาม Business Market Fit ที่เมื่อสตาร์ทอัพ มาถึงจุดนี้ได้แล้ว แน่นอนว่า ย่อมเป็นที่สนใจของเหล่านักลงทุนประเภทต่างๆ แล้วพอสมควร จากนั้นเจ้าของธุรกิจสตาร์ทอัพก็จำเป็นต้องแต่งตัวธุรกิจให้ดูดีน่าเชื่อถือ หรือ น่าสนใจ เพื่อเตรียมนำธุรกิจเข้าไปขอระดมทุนจากแหล่งทุนประเภทต่างๆ ให้ได้ในที่สุด
ทั้งนี้การเข้าไประดมทุนของสตาร์ทอัพนั้น ยังมีข้อเด่นที่แตกต่างไปจากเอสเอ็มอีทั่วไปอีกด้วย คือ สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ทั้งในและต่างประเทศ หากแพลตฟอร์มทางธุรกิจนั้นเจ๋ง และ แผนธุรกิจมีความน่าเชื่อถือ หรือมีความเป็นไปได้ในการขยายตลาดในระดับสากล
แต่ถ้าเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพ จะปรับรูปแบบธุรกิจ (Disruption) โดยการนำเทคโนโลยี เช่นอินเตอร์เน็ตมาช่วย โดยการสร้างเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่นขึ้นมา ให้คนที่สนใจอยากทำงานเป็นผู้ดูแลเด็กและผู้สูงอายุมาสมัคร ทิ้งข้อมูลไว้ให้คนที่ต้องการเข้ามาเลือก มีระบบกรองหาคนที่อยู่ใกล้ๆ ตำแหน่งของลูกค้า บอกช่วงเวลาว่างรับงาน ข้อมูลประวัติ และรีวิวผลงานที่ลูกค้าท่านอื่นฟีดแบคไว้ ตลอดจนสามารถจองเวลาและชำระเงินผ่านบัตรเครดิตได้ทันที โดยเจ้าของธุรกิจสตาร์ทอัพจะได้รายได้มาจากค่าธรรมเนียมการใช้บริการ ซึ่งถือเป็นการลงทุนเพียงแค่พัฒนาเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่น ซึ่งใช้เงินลงทุนไม่มากนักแต่สามารถขยายกิจการได้ครอบคลุมกว่าธุรกิจแบบ SMEs อ่านบทความที่น่าสนใจ ทอล์คธุรกิจ
