
ธุรกิจห้างหุ้นส่วนจำกัด
แน่นอนว่าการทำธุรกิจล้วนต้องมีการวางแผนและรู้แนวทางของกิจการว่าควรเป็นไปทิศทางใด ถ้าหากคุณสามารถเลือกได้ถูกทางก็จะแสดงถึงโอกาสและความเป็นต่อในการทำธุรกิจที่จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จและขยายกิจการ มีความมั่นคงและพื้นฐานที่ดี สำหรับการจัดตั้งธุรกิจของผู้ประกอบการในปัจจุบันมีอยู่หลากหลายรูปแบบ แต่ละอย่างล้วนมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไปมี
ธุรกิจห้างหุ้นส่วนจำกัด คืออะไร
ห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือ LLC เป็นนิติบุคคลที่มีความรับผิดจำกัด ดังนั้นจึงมีคุณสมบัติที่พึงประสงค์บางประการ สามารถทำงานได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องพึ่งพาองค์กรอื่น ทุกคนสามารถสร้างขึ้นได้ ไม่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในเงินทุนคงที่ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินและความซับซ้อน ห้างหุ้นส่วนจำกัดมีโครงสร้างที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์หรือระดับความสะดวกสบายด้วยความรับผิดชอบในการจัดการ เช่น การถือหุ้น

ธุรกิจห้างหุ้นส่วนจำกัดถูกควบคุมโดยกฎหมายในหลายประเทศ กฎหมายเป็นสื่อกลางในการทำธุรกรรมทางกฎหมายระหว่างหุ้นส่วนและยังคุ้มครองสิทธิของหุ้นส่วนอีกด้วยสื่อนี้มีโอกาสมากมายในการเพิ่มรายได้และผลกำไรด้วยการใช้เครื่องมือทางการเงินต่าง ๆ เช่น ธนบัตรแปลงสภาพ ออปชั่นหุ้น ระยะเวลาลอยตัว เป็นต้น สามารถใช้สร้างโครงสร้างที่บุคคลไม่ต้องหารายได้จาก กิจกรรมทางธุรกิจแต่สามารถได้รับประโยชน์จากมันห้างหุ้นส่วนจำกัดอนุญาตให้มีการลงทุนระยะสั้นหรือเงินกู้ระยะยาว ไม่ว่าด้วยวิธีใด นักลงทุนจะได้รับรายได้จากการลงทุนและได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนเมื่อเวลาผ่านไปอย่างไรก็ตาม
เนื่องจากข้อจำกัดด้านกฎระเบียบ จึงเป็นไปไม่ได้ที่นักลงทุน หรือ บริษัทจะใช้โครงสร้างนี้เป็นเครื่องมือทางการเงินสำหรับการลงทุน หรือ เงินกู้ระยะยาวหรือการลงทุนของห้างหุ้นส่วนจำกัดคือประเภทของห้างหุ้นส่วน เป็นการรวมบริการที่นำเสนอโดยนักธุรกิจหลาย ๆ คนเข้าด้วยกันเพื่อสร้างธุรกิจใหม่

ห้างหุ้นส่วนจำกัดมักใช้เป็นทางเลือกแทนการเป็นหุ้นส่วนรายบุคคล ซึ่งโครงสร้างความเป็นเจ้าของและการจัดการของบริษัทอาจไม่เหมาะสมกับประเภทของธุรกิจที่ดำเนินการ ตัวอย่างเช่น หากบริษัทไม่มีความสามารถสำหรับความซ้ำซ้อนหรือการปรับโครงสร้างองค์กร คู่ค้า หรือ หุ้นส่วนจำกัดสองรายอาจตกลงกันเกี่ยวกับความรับผิดชอบในการบริหารจัดการร่วมกันได้ง่ายกว่าการที่คู่ค้าแต่ละรายจะตกลงด้วยตนเอง ความรับผิดชอบผู้ถือหุ้นจำกัดความรับผิดชอบ จะกำหนดจำนวนเงินที่ตนต้องการรับผิดชอบในกรณีที่กิจการขาดทุนหรือมีหนี้สิน ซึ่งโดยทั่วไปจะกำหนดความรับผิดชอบเท่ากับมูลค่าหุ้นที่ตนถืออยู่ ผู้ถือหุ้น ประเภทนี้ไม่มีอำนาจการบริหารงานโดยตรง ผู้ถือหุ้นไม่จำกัดความรับผิดชอบ จะต้องรับภาระขาดทุนหรือหนี้สินของกิจการโดยไม่จำกัดจำนวน จึงมีอำนาจในการบริหารงานโดยตรง อ่านบทความที่น่าสนใจ ทอล์คธุรกิจ