
นักเทรดคริปโตสายไหนที่เหมาะกับเรา
ปัจจุบันการลงทุนในตลาดคริปโทเคอร์เรนซีที่กำลังร้อนแรง สำหรับนักเทรดคริปโตนั่นมีกี่ประเภทเหมือนหรือต่างกันอย่างไร มีทั้งข้อดีและข้อเสีย บทความนี้จะเสนอเพื่อค้นหาว่าการเทรดแบบไหนที่ใช่สำหรับเรา ไปดูกันเลยค่ะ
- สำหรับนักเทรดคริปโตมีประเภทอะไรบ้าง แบบไหนที่เหมาะสมกับเรา
1. สาย VI (Value Investor) เหมาะกับผู้เทรดคริปโตที่มีความรู้ความเข้าใจในการวิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐาน มีประสบการณ์ในตลาดในระดับสูง นักลงทุนสายนี้คือผู้ที่สามารถวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของเหรียญที่สนใจได้อย่างทะลุปรุโปร่ง สามารถมองมูลค่าที่แท้จริงของเหรียญออก

2. สาย Farmer เหมาะกับผู้เทรดคริปโตที่ไม่ค่อยมีเวลาและมีความรู้ความเข้าใจใน Blockchain, Smart Contract, DeFi, Wallet และ Private Key ในระดับหนึ่ง นักลงทุนสายนี้คือผู้ที่สร้าง Passive Income ผ่านการซื้อเหรียญและนำไปฝากไว้กับ DeFi อย่าง Uniswap, AAVE, หรือ Alpha Finance เพื่อให้แพลตฟอร์ม DeFi เหล่านี้นำเหรียญไปให้บริการแก่ผู้ที่ต้องการใช้ ส่วนผู้ฝากก็แค่รอรับผลตอบแทนในรูปแบบของค่าธรรมเนียม ซึ่งกระบวนการเหล่านี้เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยี Smart Contract และบล็อกเชน
3. สาย Arbitrage เหมาะกับผู้ที่พอมีเวลาว่างให้กับการเทรดคริปโตอย่างน้อย 2 – 3 ชั่วโมงต่อวันโดยเฉพาะช่วงที่ตลาดคึกคักที่สุด มีความเข้าใจการทำงานของ Wallet และค่าธรรมเนียมในการโอนเหรียญ นักเทรดสายนี้เรื่องความว่องไวต้องยืนหนึ่ง

4. สาย Algo Trader (Algorithmic Trader) คือนักเทรดคริปโตที่ใช้โปรแกรมหรือโรบอทช่วยการเทรดแบบอัตโนมัติ โดยอาจเขียนคำสั่งให้โปรแกรมเข้าซื้อหรือขายตามสัญญาณต่าง ๆ เหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาว่าง แต่ต้องมีความรู้ความเข้าใจด้านการเขียนโปรแกรมและวิธีวิเคราะห์ราคาทางเทคนิคในระดับหนึ่ง
5. สาย Day Trading เหมาะกับผู้ที่พอมีเวลาว่างให้กับการเทรดคริปโตอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงต่อวัน สามารถวิเคราะห์ทางเทคนิคหรือวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานได้ จะมีการซื้อและขายทำกำไรเสร็จภายในวันเดียว โดยอาจจะเข้าซื้อและถือเป็นหลักนาทีหรือชั่วโมง แต่จะไม่ถือข้ามวัน

6. สาย Buy & HODL สำหรับ HODL ที่ย่อมาจากคำว่า “Hold on for Dear Life” คือ “ถือไว้ อย่าปล่อยให้หลุดมือ” เหมาะกับผู้เทรดคริปโตที่ไม่ค่อยมีเวลาว่าง แต่มีความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีเบื้องหลังหรือโอกาสเติบโตของเหรียญ โดยศึกษาข้อมูลมาอย่างถี่ถ้วนแล้วและสามารถยอมรับความผันผวนของราคาได้ในระดับสูง ในวงการคริปโทเคอร์เรนซี การเข้าซื้อเหรียญแล้วถือไว้นาน ๆ อาจเป็นเดือนหรือเป็นปี
7. สาย DCA (Dollar Cost Averaging) เหมาะกับผู้เทรดคริปโตที่ไม่ค่อยมีเวลาว่าง ต้องการออมเงิน และสามารถยอมรับความผันผวนของราคาได้ในระดับสูง เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักลงทุนที่ไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนัก ค่อนข้างคล้ายกับนักลงทุนสาย Buy & HODL สำหรับ DCA คือการที่นักลงทุนจะเข้าซื้อเหรียญด้วยเงินเท่า ๆ กันทุกเดือน โดยไม่สนราคาเหรียญ ณ ขณะนั้นมากนัก

8. สาย TA (Technical Analysis) เหมาะกับผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจในการวิเคราะห์ด้วยปัจจัยเทคนิค การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ต่าง ๆ และมีประสบการณ์ในการเทรดคริปโตระดับหนึ่ง มีความรู้ความเข้าใจในเชิงเทคนิคระดับเทพ โดยสามารถวิเคราะห์ทิศทางราคาในอนาคตได้ โดยดูจากข้อมูลหรือรูปแบบที่เคยเกิดขึ้นในอดีตหรือใช้เครื่องมือต่าง ๆ เช่น เส้นแนวรับ แนวต้าน เส้นเทรนด์ MACD RSI หรือเครื่องมืออื่น ๆ มาประกอบการวิเคราะห์ สร้างกลยุทธ์ซื้อขายที่เหมาะสมได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว บทความดีๆจากล็อตโต้สด
