
สัมปทาน คืออะไร
สัมปทานเป็นกลยุทธ์ที่บริษัทไม่ต้องจ่ายเงินเต็มจำนวนสำหรับสินค้าที่ซื้อ สัมปทานตามคำจำกัดความ หมายถึง การกว้านซื้อสินค้าโดยมีเจตนาที่จะนำมาจำหน่ายในราคาที่ลดลง ในบทความนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าสัมปทานมีความหมายว่าอย่างไร มีความเป็นมาอย่างไร และสำคัญกับการทำธุรกิจแค่ไหน เราเชื่อว่าหลายคนคงไม่เคยได้ยินคำนี้ หรือเคยได้ยินแต่ไม่มั่นใจว่าคำนี้หมายความว่าอย่างไร ในบทความนี้ ทอล์คธุรกิจ ได้เตรียมคำตอบมาให้คุณเรียบร้อย หากต้องการรู้ล่ะก็เลื่อนลงมาได้เลย
รู้จักกับสัมปทาน
คำว่า “สัมปทาน” มีมาตั้งแต่สมัยอาณานิคม ในช่วงแรกเป็นคำที่ถูกใช้เมื่อสมัยก่อน และหายไปตามกาลเวลาที่ผ่านไป แต่ตอนนี้คำว่าสัมปทานกำลังกลับคืนมาในปัจจุบันเนื่องจากมีบริษัทจำนวนมากขึ้นที่พยายามใช้วิธีต่าง ๆ ในการลดต้นทุนและปรับปรุงอัตรากำไร

สัมปทานเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการถ่ายทอดข้อความของคุณและในบทความนี้เราต้องการให้คุณทำความเข้าใจแนวคิดของสัมปทานสักเล็กน้อย โดยคำว่าสัมปทานนั้นเป็นตัวย่อของ ‘ผลที่ตามมา’ ซึ่งหมายความว่าสิ่งเลวร้ายอาจเกิดขึ้นได้หากคุณไม่ทำ
ธุรกิจสัมปทานนั้นอาจหมายความได้ว่าเป็นธุรกิจที่ได้รับการอนุญาตจากรัฐบาล โดยจะมีการอนุญาตจากหน่วยงานของรัฐโดยตรง หรือได้รับจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ที่ถูกก่อตั้งขึ้นมาเพื่อรับผลประโยชน์ โดยผลประโยชน์ดังกล่าวจะอยู่ในรูปแบบของการกินหัวคิวอีกทอดหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วการรับสัมปทานจะเป็นงานในภาคบริการ หรือภาคการผลิต

คำว่า “สัมปทาน” สามารถแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า “Concession” ซึ่งหากอ้างอิงความหมายจากพจนานุกรม Collins Cobuild คำว่าสัมปทานจะหมายถึง “Concession is the act of giving something to someone” (ซึ่งแปลความหมายได้ว่า สัมปทานคือข้อกฎหมายชนิดหนึ่งที่ว่าด้วยการมอบอำนาจบางอย่างให้กับบางคน)
พจนานุกรมภาษาไทยฉบับราชบัณฑิตยสถานได้เขียนอธิบายความหมายของสัมปทานว่าเป็น “การที่รัฐได้มอบอำนาจให้เอกชนจัดสร้างบริการที่เป็นสาธารณะ หรือสร้างประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งสิทธิที่มอบให้เอกชนจะอยู่ภายในระยะเวลาและภายใต้เงื่อนไขที่รัฐได้กําหนดไว้ เช่น สัมปทานการทำถนน สัมปทานตัดไม้ หรือปลูกไม้ในป่าสัมปทาน”
ดังนั้น เมื่อพิจารณาความหมายของสัมปทานจากพจนานุกรมทั้งสองฉบับก็อาจสรุปได้ว่า “สัมปทานคือการมอบอำนาจของรัฐให้เอกชน” นั่นเอง
การให้สัมปทานแก่เอกชนนั้นมีข้อดีหลายประการ เนื่องจากการให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในธุรกิจของภาครัฐนั้นเป็นการผสมพสานความชำนาญการระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการเพิ่มทรัพยากรของประเทศรวมทั้งพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่าเดิม ทั้งนี้ก็เพื่อการพัฒนาคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้คนในประเทศ รวมถึงเป็นการเพิ่มขีดจำกัดของความสามารถในการลงทุนในด้านโครงสร้างขั้นพื้นฐานของประเทศด้วย